เปิดคำตัดสินคดีพินัยกรรมของเศรษฐีเจ้าพ่อเสือผู้หญิง ฉายานักล่า 4,000 คน ก่อนถูกฆาตกรรมเสียชีวิต ล่าสุด ศาลสูงมีคำพิพากษาแล้วว่ามรดกตกเป็นของใคร

ภาพจาก X 須藤早貴
วันที่ 20 กันยายน 2568 เว็บไซต์ NHK รายงานกรณีของ โคสุเกะ โนซากิ เศรษฐีเจ้าพ่อนักรักชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักในชื่อว่า ดอน ฮวน แห่งคิชู (Don Juan of Kishu) ผู้ที่ผ่านการคบหาผู้หญิงมามากกว่า 4,000 คนตลอดชีวิต โดยได้แต่งงานกับภรรยาคนสุดท้าย เป็นอดีตนักแสดง AV ก่อนที่จะถูกวางยาฆาตกรรมเสียชีวิต และภรรยาของเขาตกเป็นจำเลย
โนซากิ เป็นประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงในเมืองทานาเบะ จังหวัดวากายามะ เขาถูกพบเสียชีวิตในบ้าน เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ขณะที่อายุ 77 ปี ผลการตรวจพบสารกระตุ้นชนิดออกฤิทธิ์โดยเฉียบพลันในร่างกาย ซากิ ซูโดะ ภรรยาของเขาในขณะนั้น จึงถูกฟ้องดำเนินคดีในหลายข้อหา ซึ่งรวมถึงข้อหาฆาตกรรม โดยศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้เธอพ้นผิด เมื่อเดือนธันวาคม 2567 ในขณะที่อัยการกำลังยื่นอุทธรณ์
รายงานเผยว่า โนซากิมีทรัพย์สินจำนวน 1.3 พันล้านเยน (ราว 280 ล้านบาท) ภายหลังจากการเสียชีวิต พินัยกรรมของเขาถูกมอบให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัท โดยเขียนพินัยกรรมฉบับนี้เขียนด้วยหมึกสีแดง ระบุว่า "ข้าพเจ้าขอมอบมรดกทั้งหมดให้เมืองทานาเบะ" ทางทนายความของผู้จัดการมรดก จึงดำเนินการตามแผนบริจาคมรดก
ทว่า กลุ่มญาติของโนซากิจำนวน 4 คน รวมถึงน้องชายของเขาไม่พอใจกับพินัยกรรมฉบับนี้ โดยเชื่อว่าถูกปลอมแปลงขึ้นมา และมีความเป็นไปได้สูงว่าถูกเขียนโดยบุคคลอื่น จึงได้ยื่นฟ้องในเดือนเมษายน 2563 เพื่อขอให้ตัดสินว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะ โดยพวกเขาได้ยื่นรายงานจากผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือ 3 ฉบับ ซึ่งระบุว่าลายมือในพินัยกรรมไม่ใช่ลายมือของโนซากิ
ทางด้านผู้จัดการมรดกได้โต้แย้งว่า โนซากิมักใช้หมึกสีแดงตลอดช่วงชีวิตของเขา และพินัยกรรมถูกเขียนขึ้นอย่างระมัดระวัง อีกทั้งลายเซ็นของเขาก็ตรงกับลายมือบนจดหมาย นอกจากนี้ยังมีคำให้การของพยานซึ่งเป็นอดีตนักบัญชีจากบริษัทของโนซากิ กล่าว่า "โนซากิไม่ต้องการให้ทรัพย์สินของเขาตกเป็นของพี่น้อง เขาพูดว่ายินดีที่จะบริจาคทรัพย์สินให้กับเด็กด้อยโอกาส มากกว่าปล่อยให้พี่น้องผู้โลภมากพรากไป"
เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ศาลแขวงวากายามะพิจารณาว่า ลายมือในพินัยกรรมเป็นของนายโนซากิอย่างชัดเจน จึงตัดสินว่าพินัยกรรมนั้นถูกต้อง และยกฟ้องคำร้องของครอบครัว แต่พวกเขาก็ยื่นอุทธรณ์ต่อ โดยแย้งว่าลายมือในพินัยกรรม มีความคล้ายคลึงกับเอกสารอีกฉบับหนึ่งที่โนซากิเขียนขึ้น ทำให้เชื่อได้ว่าอาจถูกปลอมแปลงโดยการแกะรอย
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 กันยายน ศาลสูงโอซาก้าได้ระบุว่า ข้อสงสัยเรื่องการปลอมแปลงพินัยกรรมโดยการแกะรอยนั้นเป็นเพียงการคาดเดา จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ส่วนทางด้านเมืองทานาเบะได้เคารพต่อคำตัดสิน ยอมรับมรดกของโนซากิตามกฎหมาย โดยระบุว่าจะนำไปดำเนินการตามความเหมาะสมเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะ
ขอบคุณข้อมูลจาก The Sankei Shimbun, NHK, Yahoo Japan